ฝีดาษวานรกับฝีดาษคน แตกต่างกันอย่างไร

บทความสุขภาพ

01 มิ.ย. 2565
ครั้ง
ฝีดาษวานรกับฝีดาษคน แตกต่างกันอย่างไร
      เราอาจจะเคยได้ยินชื่อโรค “ฝีดาษ” หรือไข้ทรพิษกันมานานมากตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แต่เป็นชื่อโรคที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันมากนักเพราะองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษสูญพันธ์ไปตั้งแต่ปี 2517 และคนไทยก็เลิกปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคฝีดาษนับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่จากข่าวการเริ่มระบาดของโรค “ฝีดาษวานร” ในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ ทำให้คนทั่วโลกกลับมาตระหนักถึงโรคนี้กันอีกครั้งว่ามันมีอันตรายมากแค่ไหน? คนเสี่ยงติดโรคนี้มากแค่ไหน? ฝีดาษวานรและฝีดาษคนแตกต่างกันอย่างไร?

       โรคฝีดาษวานร เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส orthopoxvirus เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และมีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อยแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โรคนี้พบมากในแอฟริกากลาง และตะวันตก โดยเชื้อไวรัสฝีดาษวานรเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษในคนและฝีดาษวัว พบในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะหลายชนิด เช่น หนู กระรอก กระต่าย เป็นต้น สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงก็อาจติดเชื้อได้ รวมทั้งคนก็สามารถติดเชื้อนี้ได้เช่นกัน

ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคฝีดาษวานรหลังติดเชื้อประมาณ 7-21 วัน โดยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ มักพบอาการรุนแรงในกลุ่มเด็ก อาการป่วยคือ

  •  มีไข้ หนาวสั่น
  •  ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต (ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นอาการสำคัญที่แตกต่างจากฝีดาษคน)
  •  ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
  •  อ่อนเพลีย
  •  จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย
  •  จากผื่น จะกลายเป็นตุ่มหนอง
  •  ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะมีสะเก็ดคลุมแล้วหลุดออกมา
      โรคฝีดาษคน มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสวาริโอลา (Variola Virus) ซึ่งเชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ผ่านทางการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือหายใจเอาละอองสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเข้าไปในร่างกาย นอกจากนี้การสัมผัสกับผื่นหรือตุ่มน้ำของผู้ป่วยตรง ๆ โดยไม่ป้องกัน และการใช้เครื่องนอน เสื้อผ้า หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ป่วยก็ทำให้ติดเชื้อได้

เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 7-17 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มแสดงอาการต่างๆ ดังนี้
  •   มีไข้สูง
  •   รู้สึกไม่สบายตัว หนาวสั่น
  •   ปวดศีรษะ
  •   อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
  •   ปวดหลังอย่างรุนแรง
  •   อาเจียน
  •   มีผื่นสีแดงขึ้นลามไปทั่วทั้งตัว แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำและตุ่มหนองตามลำดับ

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา

iConsFacebook.png iConsInstagram.png iConsLine.png iConsTwitter.png iConsYouTube.png